เครื่องพุทธบูชา ผ้าพระบฏ
ผ้าพระบฏเป็นหนึ่งในเครื่องบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาว พุทธทั่วโลกมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล มีตำนานเขียนภาพว่าพระเจ้าอชาตศัตรูทูลขอพระพุทธฉายจากพระพุทธเจ้าเพื่อ สักการบูชา และพระพุทธองค์ได้ประทานพระพุทธฉายประทับบนผืนผ้าผืนหนึ่งพร้อมการระบายด้วย สีต่างๆ จนสืบต่อการทำภาพบนผืนผ้าอย่างกว้างขวางถึงประเทศทิเบต จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ยังนิยมเขียนภาพพระพุทธเจ้าและอื่นๆ ลงบนผืนผ้าในทุกวันนี้
ส่วนที่นครศรีธรรมราช เมื่อรับพระพุทธศาสนามาจากอินเดียและลังกา ก็ได้รับเอาความเชื่อเรื่องผ้าพระบฏเข้ามาด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ก่อนจะเริ่มพิธีสมโภชพระบรมธาตุไม่กี่วัน ได้มีคลื่นซัดผ้าแถบผืนหนึ่งที่มีลวดลายเขียนเป็นเรื่องพุทธประวัติมาขึ้น ที่หาดปากพนัง ชาวบ้านได้เก็บขึ้นมาแล้วส่งมาทูลเกล้าฯถวายพญาศรีธรรมโศกราช ที่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งปรากฏว่าเป็นของชาวพุทธกลุ่มหนึ่งที่นำลงเรือจะไปถวายพระทันตธาตุที่ ลังกา แต่เกิดมรสุมทำให้เรือแตกเสียก่อน พญาศรีธรรมโศกราชจึงโปรดให้ชาวเมืองจัดเครื่องประโคมแห่แหนขึ้นห่มองค์พระ บรมธาตุเจดีย์ และให้ทำสืบเนื่องมา จนกลายเป็นประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุอย่างทุกวันนี้
สำหรับผ้าพระบฏนั้น คำว่า “บฏ” มีรากศัพท์ในภาษาบาลีว่า “ปฏ” (อ่าน ว่า ปะ-ตะ) ซึ่งหมายถึงผ้าทอ ผืนผ้า แต่ตามความหมายของไทยนั้น ผ้าพระบฏ คือผ้าผืนสี่เหลี่ยมขนาดยาว ที่เขียนภาพพระพุทธเจ้า พุทธประวัติ หรือทศชาดก ตลอดจนข้อคติธรรมคำสอน สำหรับห้อยแขวนเป็นพุทธบูชา
ในประเทศไทย นอกจากจะมีที่นครศรีธรรมราชแล้ว ในภาคอื่นๆ ก็ยังมีอยู่เช่นกัน แต่ก็ลดถอยบทบาทลงไปแล้ว เช่นในภาคเหนือ ที่มีลักษณะเป็นตุง หรือธง ภาคอีสาน จะมีในงานบุญผะเหวด หรือในภาคกลาง ก็จะพบในงานบุญเทศน์มหาชาติ
สมัยก่อน ผ้าพระบฏที่นำขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จะเป็นผ้าผืนยาว เขียนจิตรกรรมไทยเป็นภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปปางต่างๆ และพุทธประวัติ เสร็จแล้วนำไปตกแต่งชายขอบผ้า ประดับประดาด้วยริบบิ้น พู่ห้อย ดอกไม้ หรือลูกปัดสีต่างๆ อย่างสวยงาม แต่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะทำเป็นผ้าผืนยาวเรียบๆ ไม่มีการเขียนรูป เนื่องจากช่างที่มีฝีมือมีจำนวนน้อยลง ชาวพุทธนิยมใช้ผ้า 3 สี คือ สีขาว สีเหลือง และสีแดง นำไปห่มรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น